เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๑ มี.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาอากาศชื้น เวลาแดดออก เวลาเห็ดมันเกิด เห็ดที่หายากมากคือเห็ดโคน เห็ดอย่างอื่นก็พอเพาะได้ แต่เห็ดโคนนี้เพาะไม่ได้ เห็ดโคนมันเป็นเห็ดที่ว่ามันมีรสชาติอร่อยมาก คนต้องการมาก เห็ด เห็นไหม แต่ถ้าเห็ดที่เป็นพิษมันขึ้นโดยสภาวะอากาศเหมือนกัน โดยความชื้นเหมือนกัน โดยเชื้อราเหมือนกัน แต่เห็ดที่เป็นพิษเวลากินเข้าไปแล้วมันถึงกับเสียชีวิตได้

เห็ดสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสภาวะธรรมชาติ มันก็ยังมีสิ่งที่เป็นพิษกับสิ่งที่ไม่เป็นพิษ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ สิ่งนี้มันเป็นโดยธรรมชาติของเขา มันดัดแปลงไม่ได้ แต่เวลากลอย เห็นไหม มันมีพิษเหมือนกัน เวลาเราไปขุดกลอยกัน เราเอามามันมีพิษ แต่เราสามารถล้างพิษนั้น เราเอามาแช่น้ำ เอามาเป็นประโยชน์กับเราได้

หัวใจของเราก็เหมือนกัน ถ้าหัวใจของเราเกิดมานี่มันมีพิษแน่นอน เพราะโดยธรรมชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกแล้ว คนที่เกิดมาแม้แต่เจ้าชายสิทธัตถะเกิดมาก็มีกิเลสนะ กิเลสแต่เป็นกรรมดีไง กิเลสฝ่ายดีเป็นมรรค สิ่งที่เป็นมรรคคือสร้างคุณงามความดีนี่เป็นมรรค แต่สร้างแสนยากมาก ทำคุณงามความดีกว่าความดีจะให้ผล เห็นไหม แต่ถ้าทำความชั่ว เราทำอะไรก็แล้วแต่คนจะติเตียนมาก ความชั่วนี่ทำง่าย แล้วมันจะมีผลมหาศาลเลย สิ่งที่เป็นความชั่ว

แล้วผล เห็นไหม เวลาเราก่อร่างสร้างตึก เราก่อร่างสร้างบ้านเรือน การก่อร่างสร้างเรือนนี่เป็นเรื่องของเฉยๆ นะ แต่ถ้าที่ไหนมีตึกล่มตึกทลาย คนจะไปมุงดูมหาศาลเลย สิ่งที่เป็นโดยธรรมชาติ คนเราเกิดมาจิตนี้พาเกิดนี้มีกิเลสทั้งหมด สิ่งที่มีกิเลสทั้งหมดมันก็เหมือนมีสารพิษอยู่ในใจทั้งหมด สิ่งที่มีสารพิษอยู่ในหัวใจ ทุกคนถ้าให้คิดตามกิเลส มันคิดตามความพอใจของตัว แต่ถ้าเราได้สร้างจริตได้สร้างนิสัย คือเราทำสร้างคุณงามความดีของเรามาเป็นพื้นฐาน มันจะมีสิ่งโต้แย้งไง สิ่งโต้แย้งนี้มันก็เกิด เหมือนกับร้อนกับหนาว ขาวกับดำอยู่ในหัวใจ ความดีความชั่วของคนมี กิเลสมี คือกิเลสสิ่งนี้มันพาให้เราต้องมีเหตุมีผล ต้องพาให้เราเกิดเราตายไปเพราะมันมีเชื้ออยู่

แต่ความดีความชั่วนี้มันเป็นอามิส มันเป็นสิ่งที่ว่าให้เราจรรโลงสิ่งนี้ไป เกิดดีเกิดชั่วไง แต่ธรรมะเข้าไปล้างสารพิษ เข้าไปล้างสิ่งที่เป็นกิเลสในหัวใจ สิ่งที่กิเลสในหัวใจ เห็นไหม มันไม่เหมือนเห็ด เห็ดนี้เห็ดโคนเกิดมาเห็ดโคนนั้นก็เป็นเห็ดที่ดีตลอดไป เห็ดที่ดีเพราะมันมีคุณประโยชน์ เห็ดที่ว่าเป็นพิษขึ้นมาเกิดมามันก็เป็นพิษตลอดไป คือมันแก้ไขไม่ได้ไง สิ่งนี้แก้ไขไม่ได้ แล้วมันยังหาได้ยากไง มันเป็นครั้งเป็นคราวเพราะนี่เป็นธรรมชาติ

สิ่งที่ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ คือธรรมชาติอันหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ภายนอก ธรรมชาติอันหนึ่งไง การเกิดและการตาย ความดีความชั่วก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง คนทำความชั่ว คนทำสิ่งที่เป็นความผิดของเขา มันก็เป็นความคิดของเขา เขาว่าดีของเขา เขาว่าสิ่งนี้เขาปกปิดได้ เขาสามารถไม่ให้ใครตามรู้ความผิดของเขาได้ เขาคิดของเขาสภาวะแบบนั้น นั่นล่ะมันคิดของเขาอย่างนั้น แต่ความดี คุณงามความดี เราก็ทำความดีของเราเพื่อประโยชน์ของความดี

สิ่งที่ดีและชั่วนี่มันเป็นอามิส สิ่งที่เป็นอามิสสิ่งที่สร้างขึ้นมา แล้วผลของมันก็คือให้ใจดวงนั้นไง เวลาเราสร้างขึ้นมาเราต้องการสิ่งใด เราต้องการสิ่งใด ตัณหาเกิดขึ้นมามันก็ให้เราแสวงหาสิ่งนั้น แสวงหาสิ่งนั้นเราก็ต้องทำตามความเชื่อของเราเพราะเราพอใจ เราคิดแล้วเรามีความสุขตามความเชื่อของเรา เราก็แสวงหาสิ่งนั้น

การกระทำสิ่งนั้นเกิดขึ้นมา ผลของมันเกิดขึ้นมาคือกรรมไง กรรมที่สะสมลงที่ใจนั้น ใจนั้นเป็นผู้รับผล ถ้าเรามีความโกรธ เรามีความอาฆาตมาดร้าย จิตของเรามันจะมีความหนักหน่วงมาก เวลามันดับขันธ์ลงไป มันต้องตกไปในที่ต่ำ เพราะมันมีน้ำหนัก แต่ถ้าว่าเรามีความสุข เราคิดให้อภัยเขา เราคิดมีความปลอดโปร่ง เวลาเรามีความสุขมันจะมีความโล่ง ความว่าง ความสบาย เห็นไหม สิ่งนี้มันมีน้ำหนักเบา มันจะลอยขึ้นสูง เป็นอามิสทั้งหมดเลย

แต่ถ้ากลอย เราล้างสารพิษของมันออกไป ถ้าสารพิษออกไปกิเลสออกไปจากใจ มันไม่เป็นอามิสไง แต่มันเป็นความละเอียดอ่อนที่เราจะต้องศึกษา ศึกษาอย่างนี้เพราะเราว่าเราทำคุณงามความดีแล้ว ชาวพุทธส่วนมากบอกเลยว่า ฉันไม่ได้ทำความชั่ว ทำไมฉันต้องไปทำบุญทำทานอีก เราก็เป็นคนดีของเรา คิดกันแค่นั้นเกือบทั้งหมดนะ เพราะว่าเราก็ทำคุณงามความดีแล้ว นี่ปัญญาของเขามีเท่านี้ไง ว่าเราไม่ทำความผิดพลาด เราอยู่ของเราปกติมันก็เป็นความดีแล้ว ความดีอย่างนี้ก็เป็นอามิส

การเกิดขึ้นมานี่มีสภาวะ เวลาฝนตั้งเค้าขึ้นมา เมฆหมอกรวมตัวขึ้นมามันตกลงมา มันก็เป็นธรรมชาติของเขา มันให้ความชุ่มชื้นอย่างนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ว่ามันจะตั้งเค้าตลอดไป โลกนี้เป็นอจินไตย มันจะเป็นสภาวะแบบนี้ อันนี้ก็เหมือนกัน ความดีความชั่วที่เราว่าเราไม่ทำความชั่ว เรามีความดีอย่างนี้ มันก็เหมือนกับฝนตั้งเค้า มันจะก่อเค้า แล้วมันจะตั้งเค้า แล้วมันจะตกไปอย่างนั้นตลอดไป

ความดีของเราอย่างนี้ มันสร้างสมมาอย่างนี้ มันก็เป็นอามิส มันก็พาจิตนี้พาเกิดพาตายตลอดไป สิ่งที่พาเกิดพาตายมันไม่สามารถเข้าไปชำระล้างหัวกลอยนั้นให้หมดจากสารพิษได้ไง ถ้าล้างสารพิษออกจากหัวกลอยคือหัวใจของเราอันนี้ได้ เราถึงต้องมีศรัทธาความเชื่อไง เชื่อให้ลึกกว่าว่า เราไม่ได้ทำความชั่วแล้ว เราอยู่ของเราอย่างนี้มันก็เป็นความดีแล้ว เราจะต้องให้เราไปลำบากทุกข์ร้อนอยู่เพื่อเหตุใด ถ้าปัญญามันต้องการมากไปกว่านั้น ต้องการล้างสารพิษออกจากใจอย่างนั้น มันก็ต้องแสวงหาของมันไง

สิ่งที่แสวงหาของมัน เห็นไหม ทำไมพระของเราทำไมพยายามแสวงหา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งปฏิภาณไว้เป็นพระโพธิสัตว์ นี่สร้างสมทุกอย่าง เป็นพระเตมีย์ใบ้ สิ่งนี้สร้างสมมา ๑๐ ชาติ ทศชาติ ๑๐ ชาตินั้น ๑๐ ชาติสุดท้ายนี้เป็นชาติใหญ่มาก สร้างสมสิ่งนี้มา มันถึงจะค้นคว้าสิ่งนี้ได้ นั้นก็ทำความดีไง ความดีเกิดตายชาติหนึ่งๆ ทำไมต้องมาแสวงหา ทำไมต้องเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะอีก ยังจะต้องออกมาประพฤติปฏิบัติอีก ๖ ปี ก็เพื่อจะล้างหัวกลอยอันนั้นให้สะอาดให้ได้ ถ้าสารพิษอันนั้นออกจากใจได้ ใจดวงนี้จะไม่เกิดอีก

สิ่งที่ไม่เกิดอีก นี่ความดีที่มันละเอียดขึ้นไป ที่มันแสวงหาขึ้นไป สิ่งนี้เกิดขึ้นมาจากเจ้าชายสิทธัตถะเพราะสร้างสมบารมีมา สาวกะ สาวก ผู้ได้ยินได้ฟังอย่างพวกเรา แสวงหาอย่างนั้นหาได้ยาก ถึงต้องมีธรรมวินัยไง ธรรมวินัยนี้วางไว้ให้เราก้าวเดิน พระไตรปิฎกวางไว้แล้วเราพยายามสงวนรักษาสิ่งนี้ไว้เพื่อให้ถูกต้อง

พระธรรมปิฎกว่าไว้ในหนังสือนะ ว่าการสังคายนาในความผิดของเราว่าเราจะซักฟอกให้มันสะอาด ไม่ใช่ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้แล้วมันสะอาดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราพยายามรักษาไว้ให้มันคงเดิมไง ไม่ให้มันไหลเลื่อนไปตามการตีความของพวกเราไง เราจะตีความสังคายนาๆ เพื่อทำให้มันสะอาด เพื่อทำให้มันบริสุทธิ์ มันจะสะอาดบริสุทธิ์มาจากไหน ใครจะมีปัญญาเท่ากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพุทธวิสัย เป็นปัญญาที่ว่าอจินไตยที่ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปรู้ทันได้เลย แล้ววางธรรมวินัยอันนี้ไว้มาให้พวกเราก้าวเดิน แล้วเราจะไปทำให้มันสะอาดบริสุทธิ์มาจากไหน

การสังคายนาก็เพียงแต่พยายามเอาความแปลกปลอมไง สิ่งที่แปลกปลอม สิ่งที่จดจารึกผิด สิ่งที่ความเห็นผิด อันนี้คัดอันนั้นออกจะไปทำให้มันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมาเป็นไปไม่ได้ สาวกะ สาวก ผู้ที่ว่าเป็นสาวกเป็นผู้เดินตามจะเอาปัญญาที่ไหนจะไปทำให้มันสะอาดขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้ให้มันสะอาดบริสุทธิ์แล้วเราจะให้มันบริสุทธิ์ขึ้นไปจากไหนอีก

การสังคายนาคือการป้องกัน การป้องกันคนเข้าไปเจือจานสิ่งนั้นให้มันตกต่ำลงมา ความเจือจานอย่างนั้น สิ่งที่มันแปลกปลอมเข้าไป เอาสิ่งที่แปลกปลอมออก เพราะอะไร เพราะบาลีนี่มันมีบาลีสมาคมโลก ภาษาเยอรมันก็มี ภาษาอังกฤษก็มี ภาษาต่างๆ ก็มี มันเทียบเคียงกันได้ แล้วฉบับไหนเก่าแก่กว่า เห็นไหม อยู่ที่ลังกานี่จดจารึกที่ลังกา ลังกาแล้วย้อนไปกลับไปจดจารึกที่อินเดีย มันเป็นสภาวะแบบใด นี่เป็นภาษามคธ ภาษาบาลีที่เราจะรักษากันไว้ นั้นเป็นธรรมวินัย เป็นแผนที่ย้อนกลับมาที่ใจ

แต่ครูบาอาจารย์ของเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาจากหัวใจ จากหัวใจเข้าใจสิ่งนี้ พระไตรปิฎก ธรรมวินัยนี้ชี้เข้าไปที่ใจของสัตว์โลก ชี้เข้าไปที่หัวกลอยนั้น ถ้าหัวกลอยนั้นมีสารพิษอยู่ เราจะแช่อย่างไร ทำสัมมาสมาธิกดไว้แช่ไว้อย่างไร แล้วสารพิษยังมีอยู่จะปลดสารพิษออกมาด้วยมรรคญาณอย่างไร สิ่งที่มรรคญาณเกิดขึ้นเราทำอย่างไร สิ่งนี้ย้อนกลับเข้ามาถึงใจของครูบาอาจารย์เรา ครูบาอาจารย์เรามีสิ่งนี้ขึ้นมา มันถึงสงวน มันถึงรักษา มันถึงต้องการสิ่งนี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเพราะธรรมวินัย

เวลาครูบาอาจารย์กราบ เห็นไหม พระโสดาบันเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยหัวใจอันนั้น จะกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความเคารพนับถือด้วยความซึ้งใจในบุญคุณมาก เพราะสิ่งนี้มันเกิดด้วยความมหัศจรรย์ มันความลึกลับซับซ้อนนะ แล้วเวลาพลิกจิตขึ้นไป เวลาขั้นตอนขึ้นไป จากโสดาบัน สกิทา อนาคาขึ้นไป มันละเอียดอ่อนมหาศาล ขึ้นไปถึงกามราคะขั้นอนาคามี มันมีสิ่งที่ว่าหลบเหลี่ยมไว้ สิ่งที่ว่าเป็นสิ่งที่ปิดบังไว้ ต้องพยายามไปชะล้างตรงนั้นขึ้นไป ความเห็นอย่างนี้ ความเห็นละเอียดอย่างนี้ ขึ้นไปจนถึงมันปล่อยสิ่งที่เป็นเศษส่วนของใจออกไปทั้งหมด เป็นใจของมันล้วนๆ ขึ้นไป แล้วไปแก้กันจุดสุดท้าย นี่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร

ในลัทธิศาสนาต่างๆ ก็ว่าเข้าถึงพระเจ้าๆ เวลาเราประพฤติปฏิบัติเพียงแต่เราสร้างบุญกุศล เราทำศาลาริมทาง เราทำแหล่งน้ำต่างๆ เราก็เกิดเป็นพระอินทร์แล้ว เป็นพระอินทร์เป็นพระเจ้าไหม เราเองเป็นพระเจ้า เพราะเราเองต่างหาก เราเป็นคนสร้างสมขึ้นมา เราเป็นแค่บุคคลขึ้นมา นี่ก็เป็นพระเจ้า สิ่งที่เป็นพระเจ้าเราต่างหากเป็นหมด ใจเป็นหมด สิ่งต่างๆ ไม่มี ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอานนท์บอกเลย ถามพระพุทธเจ้าว่า “พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เมื่อไหร่จะหมดเขตหมดกาลของศาสนา”

“อานนท์ เราไม่ได้เอาธรรมของใครไป นี่ธรรมของใครไง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์เลย” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปก็เอาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันนั้นไปต่างหาก แต่ใจของสัตว์โลกที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันก็เป็นใจของสัตว์โลก ไม่มีดวงใจกับดวงใจขึ้นกับดวงใจอื่น ไม่มี เพียงแต่เราเจอครูบาอาจารย์ชี้นำเท่านั้น ครูบาอาจารย์นะ เจอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ในธรรมว่าเราเป็นผู้ชี้ทางให้เธอเท่านั้น ทุกดวงใจต้องแก้ไขเอง กลอยทุกหัวต้องแช่น้ำเอง กลอยต้องกลิ้งลงไปในน้ำ ต้องขุดขึ้นออกมาจากดินแล้วค่อยไปในน้ำ เพราะหัวกลอยนั้นมันมีสารพิษ แล้วมันแก้ไขได้

หัวใจของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราค้นใจของเราเจอนะ เรามีศรัทธามีความเชื่อ แล้วเราทำสัมมาสมาธิเพราะมีความเชื่อ ถ้าไม่มีความเชื่อเราจะไม่ทำไง เราก็เป็นคนดีอยู่แล้ว ไม่เห็นทำความผิดอะไรเลย ทำไมต้องไปทำ เห็นไหม หัวกลอยฝังอยู่ในดินเราขุดขึ้นมาไม่ได้ มันก็เอามาแช่น้ำไม่ได้ มันก็ชำระล้างไม่ได้

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ทำสมาธิเข้าไปถึงใจ เราไม่มีเอกัคคตารมณ์ จิตเราไม่ตั้งมั่น เราจะเอาอะไรไปทำงาน ถ้าจิตของเราไม่ตั้งมั่น เราไม่มีพื้นฐาน ไม่มีสมถะขึ้นมา แล้วเอาอะไรไปทำงาน สิ่งที่ทำงานๆ ในอะไร ทำงานในสิ่งที่สารพิษในหัวใจนั้น เห็นไหม

สารพิษในหัวใจ อามิส สิ่งที่เป็นอามิสนี้เราก็สร้างของเราขึ้นมาเป็นบารมี สัตว์โลกเป็นบารมีไง เราเป็นหัวหน้า เราเป็นผู้ชักนำ ถ้าเราสร้างสมขึ้นมา เราเกิดเป็นเทวดา ในพระไตรปิฎก เห็นไหม มีกษัตริย์องค์หนึ่งศรัทธามาก อยากทำบุญกุศลแต่ไม่มีเวลา ให้ข้าทาสใส่บาตรให้ เงิน สิ่งที่หามาเป็นของกษัตริย์ แต่กษัตริย์นี้ไม่มีเวลาก็ให้ข้าทาสใส่ เวลาข้าทาสไม่มีเงินไม่มีต่างๆ เพราะเป็นทาสเขา แต่เพราะกษัตริย์นั้นให้ทำบุญ ตักบาตรทุกวันด้วยความศรัทธา ศรัทธามาก ชื่นใจมาก ทำด้วยความเคารพนบนอบมากเพราะมีความซึ้งใจมาก เวลาตายไปเกิดเป็นเทวดาชั้นเดียวกัน แต่กษัตริย์นั้นเกิดเป็นเทวดาที่ไม่มีบริษัทบริวาร เป็นเทวดาอยู่องค์เดียว แต่ข้าทาสนั้นเกิดขึ้นมาข้าทาสบริวารเต็มไปหมดเลย เห็นไหม นี่ทำด้วยความศรัทธา ด้วยความเชื่อมั่น สิ่งนี้เกิดขึ้นมา

แล้วสิ่งที่ว่านรกสวรรค์มีจริงหรือ ทำบุญกุศลไปนรกสวรรค์จริงหรือ ถามตัวเองก่อนว่าทุกข์ไหม ถ้าทุกข์ เรามีความรู้สึกไหม ความรู้สึกอันนี้เวลาตายไปตายไปจากมนุษย์ แต่ความรู้สึกนี้ไม่เคยตาย ความรู้สึกนี้ถ้าทำความชั่วมันจะไปเกิดตามอำนาจของมัน ถ้าความรู้สึกทำความดีนี้จะไปเกิดตามอำนาจของมัน นรกสวรรค์ไม่ต้องไปพูดถึงมัน ในเมื่อมีเหตุอยู่ตรงนี้ มีการกระทำอยู่ตรงนี้ ผลมันอยู่ตรงนี้ มันต้องเป็นไปธรรมชาติของมัน สิ่งนี้เป็นอามิสทั้งหมดเลย วัฏวน เห็นไหม จะเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม สูงส่งขนาดไหน นี้มันก็มีวาระถึงที่สุดมันต้องดับไป แล้วมันต้องเวียนมาตายมาเกิดโดยธรรมชาติของมัน

แต่ขณะปัจจุบันนี้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางต่อหน้าเรา กังวานต่อหน้าเรา แต่ถ้ามันกังวานในหัวใจของสัตว์โลกนะ มันจะกังวานในหัวใจของสัตว์โลก มันถึงจะเห็นวิธีการ ประสบการณ์อันนั้นสำคัญมาก ประสบการณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมีบารมีมาก พุทธวิสัยจะเข้าใจถึงจริตนิสัยของสัตว์โลกทั้งหมด ชี้นำได้หมดเลย ของครูบาอาจารย์เรา เข้าใจตามใจดวงนั้น ใจดวงนั้นปลดเปลื้องจากใจดวงนั้น กลอยอันนั้นทำพิษอันนี้ออกไปจากกลอยหัวนั้นแล้ว มันรู้วิธีการไง จากใจดวงหนึ่ง จากใจของครูบาอาจารย์ดวงหนึ่งจะส่งทอดให้กับใจของลูกศิษย์ลูกหาที่ประพฤติปฏิบัติดวงหนึ่ง แต่ใจของลูกศิษย์ลูกหาที่จะรับสืบทอดอันนี้ได้ มันต้องมีสถานะที่จะรับสืบทอดได้ไง มันต้องมีสัมมาสมาธิ มันต้องมีปัญญา มันต้องมีสิ่งต่างๆ มันต้องมีอินทรีย์พอสมควรถึงจะรับทอดสิ่งนี้ได้ไง

สิ่งที่ละเอียดอ่อนขึ้นมา ครูบาอาจารย์หัวใจที่ละเอียดอ่อนขึ้นมาจะวางสิ่งใดขึ้นมา เราก็ไม่เข้าใจ เราก็เกิดเป็นคนแล้ว เราก็ทำคุณงามความดีแล้ว เราก็มีคุณสมบัติพออยู่แล้ว ทำไมเราต้องประพฤติปฏิบัติ นี่มันไม่มีสถานะที่จะรับสืบทอดสิ่งนี้ได้ไง แต่ถ้าเรามีความศรัทธามีความเชื่อ เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันจะมีความเชื่อขึ้นมา มันจะมีพื้นฐานขึ้นมา จากใจดวงหนึ่งส่งให้ใจดวงหนึ่ง ใจดวงหนึ่งก็สามารถรับได้ ถ้าใจนี้มีพื้นฐานมันจะรับสิ่งนี้ได้ มันก็จะรับได้ เห็นไหม

จากใจดวงหนึ่งส่งทอดใจดวงหนึ่ง ใจดวงหนึ่งก็รับต่อๆ กันไป ศาสนาก็กังวานในหัวใจของสัตว์โลก ศาสนาจะกังวานในใจของสัตว์ ใจของสัตว์ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาเป็นครูของเทวดาของหมู่สัตว์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ของเราตรัสรู้แต่ละองค์ขึ้นมา มันจะมีพื้นฐานเป็นผู้ชี้นำ เป็นผู้คอยชี้นำ เหมือนกับโรงพยาบาลมีหมอ ถ้าโรงพยาบาลนั้นร้าง โรงพยาบาลนั้นไม่มีหมอ คนป่วยมันก็ไปรักษาเข้าโรงพยาบาลก็ไปนอนรอตายเฉยๆ แต่ถ้าโรงพยาบาลไหนมีหมอ เข้าไปหมอก็รักษาคนไข้ได้ เครื่องมือแพทย์ ยา ก็อยู่ที่จริตนิสัยของหมอนั้นที่ว่าจะหามาได้ นี่ก็เหมือนกัน จากใจที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างนั้นจะส่งทอดจากใจของเราตลอดมาๆ

เริ่มต้นจากธรรมชาติ จากเห็ดที่เป็นพิษกับเห็ดที่ว่าเป็นประโยชน์ จากสารพิษในหัวใจของเรา เราจะชำระล้างอะไรของเราหรือไม่ ถ้าชำระล้างของเรามันจะเห็นคุณค่าของศาสนามาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงรวมอยู่ในใจดวงนั้น ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต สิ่งที่เป็นความสะอาดบริสุทธิ์ของใจดวงนั้นจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เอวัง